วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กาญจนบุรี กรมอุทยานแห่งชาติ ปิดตำนาน ปฏิบัติการ ค้าเสือโคร่ง ที่วัดป่าหลวงตาบัว



     ทีมแพทย์และจนท.กรมอุทยานฯ ขนย้ายเสือโคร่ง วัดหลวงตามหาบัว 137 ตัว วันสุดท้ายครบแล้ว ช่วยเหลือพนักงานวัดตกงาน กว่า 80 ชีวิต พร้อมให้ตร.เอาผิดผู้เกี่ยวข้อง
เสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2559 เวลา 14.25 น.











       จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำหมายศาลเข้าดำเนินการขนย้ายเสือโคร่งของกลาง 137 ตัว ที่วัดหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หรือ วัดเสือ บ้านพุไม้แดง หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา มาจนถึงวันที่ 3 มิ.ย. รวมเป็นเวลา 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบพื้นที่และกุฎิ พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก ทั้งซากลูกเสือโคร่งแช่แข็ง และลูกเสือดองยา รวมทั้งสัตว์ป่าหวงห้ามอีกหลายชนิด ไม้แปรรูปแผ่นใหญ่อีกจำนวนหนึ่ง ตลอดจนเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่ทำจากเสือโคร่งหลายพันชิ้น ขวดและฉลากโฆษณา สำหรับใส่ยาบำรุงกำลังจำหน่ายนับพันขวด จับกุมผู้ต้องหาเป็นพระสงฆ์ 1 รูป และลูกศิษย์ 2 คน ขณะขับรถขนเครื่องรางที่ทำจากเสือจำนวนมาก พร้อมหนังเสือโคร่งหลบหนีออกจากวัด ล่าสุดตรวจค้นพบซากเสือดาว เสือไฟ หมีควาย สต๊าฟทั้งตัว เขาละมั่ง เขาวัวแดง เขากวาง อีกจำนวนหนึ่ง โดยอธิบดีกรมอุทยานฯเดินทางมาตรวจดูการปฎิบัติการ และของกลาง ตลอดระยะเวลา 5 วัน ขนย้ายเสือโคร่งไปได้รวมทั้งสิ้น 128 ตัว เหลืออีกเพียง 9 ตัว ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น







         ความคืบหน้า วันที่ 4 มิ.ย.  ที่หน่วยปฎิบัติการชั่วคราวภารกิจย้ายเสือ การปฏิบัติงานวันที่ 6 ทีมสัตว์แพทย์ทำการยิงยาสลบเสือตัวที่ 137 ตัวสุดท้าย ซึ่งเป็นเสือโคร่งเพศผู้ ชื่อ สายฟ้า 2 น้ำหนักราว 300 กก. หลังจากผ่านกระบวนการในการดูแลสุขภาพเรียบร้อย จากนั้นได้ขนย้ายเสือโคร่งชุดสุดท้าย 9 ตัว ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรีทันที ท่ามกลางความยินดีของเจ้าหน้าที่ และทีมงานสัตว์แพทย์ ที่ภารกิจเสร็จสิ้นลงได้ด้วยดี








    นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ก็จะเป็นเรื่องคดีความ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไว้แล้ว ซึ่งทราบว่าท่านได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลงไปติดตามคุมคดีในเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องใบอนุญาตตั้งสวนสัตว์นั้น ที่ผ่านมาขอในนามมูลนิธิหลวงตามหาบัว ก็เป็นคนละส่วนกับเรื่องการกระทำผิดกฎหมายนี้ แต่เมื่อมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในเรื่องซากสัตว์ป่าและสัตว์ป่าอีกหลายชนิด หากพบว่ามีรายชื่อตรงกับผู้จัดตั้งขอเปิดสวนสัตว์คนใด ก็คงต้องเพิกถอนใบอนุญาต เท่าที่ดูแล้วเชื่อว่าคงต้องเพิกถอน เพราะมีรายชื่อผู้อยู่ในข่ายกระทำความผิดในวัดเสือ ตรงกับรายชื่อผู้ขอจัดตั้งและกรรมการคน












          ขณะเดียวกันที่บริเวณโรงทานข้างห้องขายตั๋วหน้าปากทางเข้าวัด มีคนงานของวัดเสือราว 80 คน ที่ถูกบอกเลิกจ้างงาน มารวมตัวกันยื่นความจำนงขอรับการช่วยเหลือ จากเจ้าหน้าที่ 5 หน่วยงานที่รอรับ ประกอบด้วย สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานประกันสังคมจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด สำนักงานแรงงานจังหวัด 










            ต่อมานายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายยรรยง เลขาวิจิตร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 นายสมชาย เปรมพาณิชย์กูล ผอ.สจป.ที่ 10 ราชบุรี  นายณรงค์ บุญรักษา ผช.หน.หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ที่ 13 กรมป่าไม้ พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ร.29 พล.ร.9 พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค นายสายันต์ แสงเคลือบ นายก อบต.สิงห์ นายสุภาพ กอฟัก กำนันต.สิงห์ เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ของวัดเสือ จำนวน 1,456 ไร่ ตามแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร โดยเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันใช้เครื่องมือจีพีเอส ตรวจสอบพื้นที่ โดยนายอดิศร ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบพื้นที่คืนหลังปฎิบัติภารกิจขนย้ายเสือโคร่ง เสร็จสิ้นลง แต่ไม่มีผู้ใดในวัดเสือ มารับมอบพื้นที่จึงให้นายสายันต์ แสงเคลือบ นายกอบต.สิงห์ และนายสุภาพ กอฟัก กำนันตำบลสิงห์ เป็นสักขีพยานแทนเจ้าหน้าที่วัดเสือรับมอบพื้นที่คืน









           นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯได้กล่าวว่า  หลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องคดี ซึ่งกรมอุทยานฯก็ได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนสภ.ไทรโยคกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดนี้ทั้งหมด ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามาตรา 19 , 20 , 47 , 55  และ 59  ขณะนี้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 3 ราย พระ 1 รูป ลูกศิษย์ชาย 2 คนไปแล้ว ส่วนสัตว์ป่าอื่นๆ ที่เหลือในวัด เช่น กวางป่า ละมั่ง ฯลฯตามบัญชีของกลาง ก็จะต้องตรวจสอบให้ทราบในรายละเอียดก่อนว่า มีจำนวนเท่าใดแน่นอน เพราะพื้นที่ในวัดกว้างมากรวมทั้งเป็นเขา สัตว์ป่ากระจายอยู่ไปทั่ว ทำให้ยากลำบากในการตรวจสอบ ก็คงต้องใช้เวลา หลังทราบรายละเอียดแน่ชัด ก็จะดำเนินการขอหมายศาลเข้าขนย้ายสัตว์ป่าของกลาง ทุกชนิดออกจากวัดจนหมด ส่วนในเรื่องสัตว์ป่าที่อยู่ในวัดไม่มีอาหารเลี้ยงดูนั้น ขณะนี้ก็มีมูลนิธิสืบนาคะเสถียร นำฟางอัดแห้งมามอบให้ 200 ฟ่อน รวมทั้งมูลนิธิกัญจนา ศิลปอาชา อดีต สส.สุพรรณบุรี อีกด้วย ..



เกรียงไกร  ก่อเกียรติตระกูล  บรรณาธิการ อู่ทองนิวส์  รายงาน
เรวัติ น้อยวิจิตร นสพ.พลังชน ศูนย์ข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี   081-9107445

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น